เมนู

ภิกษุณีชื่ออโสกา... อุบาสกชื่ออโสกะ ... อุบาสิกาชื่ออโสกา กระทำกาละ
แล้ว เป็นพระโสดาบัน เพราะสังโยชน์ 3 สิ้นไป มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา
เป็นผู้เที่ยง ที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[1475] ดูก่อนอานนท์ นี้แล คือธรรมปริยาย ชื่อ ธรรมาทาส ที่
อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามี
นรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็น
พระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบทุติยคิญชกาวสถสูตรที่ 9

ทุติยคิญชกาวสถสูตรที่ 9 มีอรรถตื้นทั้งนั้น

10. ตติยคิญชกาวสถสูตร



ว่าด้วยธรรมปริยาย ชื่อ ธรรมาทาส



[1476] (ข้อความเบื้องต้นเหมือนคิญชกาวสถสูตรที่ 1) ครั้นแล้ว
ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อุบาสกชื่อกกุฏะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กระทำกาละแล้ว คติของเขาเป็นอย่างไร
สัมปรายภพของเขาเป็นอย่างไร... อุบาสกชื่อกฬิภะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง...
อุบาสกชื่อทนิกัทธะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อกฏิสสหะในหมู่บ้าน
แห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อตุฏฐะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบสกชื่อสันตุฏฐะ

ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อภัททะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง... อุบาสกชื่อ
สุภัททะในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กระทำกาละแล้ว คติของเขาเป็นอย่างไร
สัมปรายภพของเขาเป็นอย่างไร.
[1477] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ อุบาสกชื่อ
กกุฏะ กระทำกาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้นมีอันไม่กลับ
จากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ 5 สิ้นไป อุบาสก
ชื่อกฬิภะ... ชื่อทนิกัทธะ... ชื่อกฏิสสหะ... ชื่อตุฏฐะ.. ชื่อสันตุฏฐะ...
ชื่อภัททะ... ชื่อสุภัททะ กระทำกาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพาน
ในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วน
เบื้องต่ำ 5 สิ้นไป.
[1478] ดูก่อนอานนท์ อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เกิน
กว่า 50 คน กระทำกาละแล้ว เป็นอุปปาติกะ จักปรินิพพานในภพนั้น
มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ 5
สิ้นไป อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเกินกว่า 90 คน กระทำกาละแล้ว
เป็นพระสกทาคามี เพราะสังโยชน์ 3 สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะ
เบาบาง มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียว แล้วจักทำที่สุดทุกข์ได้ อุบาสกทั้งหลายใน
หมู่บ้านแห่งหนึ่งจำนวน 506 คน กระทำกาละแล้ว เป็นพระโสดาบัน เพราะ
สังโยชน์ 3 สิ้นไป มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ใน
เบื้องหน้า.
[1479] ดูก่อนอานนท์ ข้อที่บุคคลเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว พึง
กระทำกาละ มิใช่เป็นของน่าอัศจรรย์ ถ้าเมื่อผู้นั้น ๆ กระทำกาละแล้ว เธอ

ทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้วสอบถามเนื้อความนั้น ข้อนี้เป็นความลำบากของ
ตถาคต เพราะฉะนั้นแหละ เราจักแสดงธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวก
ประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิด
สัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน
มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
[1480] ดูก่อนอานนท์ ก็ธรรมปริยาย ชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวก
ประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิด
สัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน
มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า เป็นไฉน
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระ-
พุทธเจ้า... ในพระธรรม... ในพระสงฆ์... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้า
ใคร่แล้ว... เป็นไปเพื่อสมาธิ นี้แล คือ ธรรมปริยาย ชื่อ ธรรมาทาส ที่
อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก
กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็น
พระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
จบตติยคิญชกาวสถสูตรที่ 10
จบเวฬุทวารวรรคที่ 2

อรรถกถาตติยคิญชกาวสถสูตร



พึงทราบอธิบายในตติยคิญชกาวสถสูตรที่ 10
บทว่า เกินกว่า 50 ได้แก่ มากกว่า 50 คน. บทว่า เกินกว่า
90
คน ได้แก่ มากกว่า 90 คน. บทว่า ฉาติเรกานิ ได้แก่ จำนวน 6 คน
ทราบมาว่า หมู่บ้านั้น ไม่ได้ใหญ่ยิ่งก็จริง ถึงกระนั้น ในหมู่บ้านนั้นก็ยังมี
อริยสาวกมาก ในหมู่บ้านนั้น สัตว์ 2,400,000 ตายคราวเดียวกัน ด้วย
อหิวาตกโรค. ในคนเหล่านั้น อริยสาวกได้มีประมาณเท่านี้. คำที่เหลือในที่
ทุกแห่งตื้นนั่นเทียวแล.
จบอรรถกถาตติยคิญชกาวสถสูตรที่ 10
จบอรรถกถาเวฬุทวารวรรคที่ 1

รวมพระสูตรที่มีในรรรคนี้ คือ


1. ราชสูตร 2. โอคธสูตร 3. ทีฆาวุสูตร 4. ปฐมสาริปุตตสูตร
5. ทุติยสาริปุตตสูตร 6. ถปติสูตร 7. เวฬุทวารสูตร 8. ปฐมคิญชกาวสถ
สูตร 9. ทุติยคิญชกาวสถสูตร 10. ตติยคิญชกาวสถสูตร และอรรถกถา.